Background
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์เป็นสถาบันวิชาการชั้นสูงที่มุ่งเน้นการศึกษาวิชาการบริหารการพัฒนา ซึ่งมีนโยบายสนับสนุนให้คณาจารย์มีตำแหน่งทางวิชาการ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการของสถาบัน สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2564 ของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ที่ได้ออกประกาศจัดตั้งหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อให้เป็นช่องทางในการพัฒนาคุณภาพวิชาการและนวัตกรรมของประเทศ รวมทั้งครอบคลุมผลงานที่คณาจารย์ได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาของตนมาใช้ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชน สังคม หรือประเทศ ตลอดจนผลักดันให้สถาบันอุดมศึกษาไทยก้าวสู่ความเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำระดับนานาชาติ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
การขอตำแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ในสถาบันถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาระยะยาวของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในด้านยุทธศาสตร์การสรรหา/คัดเลือก และพัฒนาบุคคลทุกกลุ่มให้มีขีดความสามารถสูง (Talent People) สามารถขับเคลื่อนสถาบันไปสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกได้ ซึ่งการขอตำแหน่งทางวิชาการประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง การสอน และผลงานทางวิชาการ โดยมีขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ อาทิเช่น การกรอกข้อมูลประวัติส่วนตัว การประเมินผลการสอน การประเมินเอกสารหลักฐานที่ใช้ในการสอน การตรวจสอบฐานวารสาร การตรวจสอบการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ เป็นต้น และขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ ข้างต้น ต้องผ่านการตรวจสอบและพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญชุดต่าง ๆ อาทิ เช่น คณะกรรมการประจำคณะ/ สำนัก/ วิทยาลัย คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติและผลงานทางวิชาการ (ก.ก.ว.) และคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ (ก.พ.ว.) เป็นต้น
ส่วนสำคัญที่ทำให้การขอตำแหน่งทางวิชาการเป็นไปด้วยความถูกต้อง สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็คือการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการประกอบด้วย ประธานกรรมการ ซึ่งต้องเป็นกรรมการสภาสถาบันประเภทผู้ทรงคุณวุฒิที่ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่มิใช่บุคลากรของสถาบัน โดยคัดสรรจากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการที่ ก.พ.อ. กำหนด ซึ่งครอบคลุมคณะหรือสาขาวิชาที่มีการจัดการเรียนการสอนในสถาบัน จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน และคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี
คณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการมีอำนาจหน้าที่ เช่น กำหนดนโยบายและแนวทางดำเนินงานเกี่ยวกับการพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการโดยได้รับความเห็นชอบจากสภาสถาบัน และจัดทำเป็นประกาศ ก.พ.ว. แต่งตั้ง อ.ก.พ.ว. ก.ก.ว. บุคคล คณะบุคคล หรือคณะกรรมการอื่นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับ โดยจัดทำเป็นคำสั่ง ก.พ.ว. พิจารณาความเห็นและผลการประเมินของ อ.ก.พ.ว. ในเบื้องต้นก่อนเสนอต่อสภาสถาบัน และเสนอสภาสถาบันเพื่อแต่งตั้งบุคลากรให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ เป็นต้น จากอำนาจหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น จึงถือได้ว่าคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการมีความสำคัญต่อกระบวนการขอตำแหน่งทางวิชาการเป็นอย่างมาก และการใช้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ จะต้องมีการประชุมเพราะอยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการกลุ่ม และหากการประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือหากมีการจัดประชุมแล้วมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมประชุมด้วย อาจทำให้ผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย
ดังนั้น ส่วนหนึ่งที่ทำให้คณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการขอตำแหน่งทางวิชาการเป็นไปด้วยความราบรื่น ชัดเจน ถูกต้อง และเป็นมาตรฐาน ก็คือการจัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดประชุมนี้มีความซับซ้อนเป็นอย่างมากเพราะผู้จัดการประชุมจะต้องมีความรู้ ความชำนาญในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง รวมไปถึงต้องมีความชำนาญในการสรุปเนื้อความสำหรับนำเสนอ เช่น รายละเอียดและจำนวนผลงานทางวิชาการที่ใช้ขอตำแหน่ง รายละเอียดการมีส่วนร่วมในผลงาน การตรวจสอบหลักฐานการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งตามหน้าที่ความรับผิดชอบของข้าพเจ้า ในฐานะผู้ปฏิบัติงานตำแหน่งบุคลากรปฏิบัติการ สังกัดกองบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล สำนักงานอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จึงได้จัดทำคู่มือการจัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เพื่อเป็นข้อมูลในการปฏิบัติงาน และใช้เป็นคู่มืออธิบายหลักเกณฑ์และวิธีการจัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการให้กับผู้ที่สนใจและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
วัตถุประสงค์การจัดทำคู่มือ
- เพื่อจัดทำแนวทางการจัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ
- เพื่ออธิบายหลักเกณฑ์และวิธีการจัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ
- เพื่อเผยแพร่เทคนิคหรือตัวอย่างองค์ความรู้
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
- สถาบันมีคู่มือจัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ
- ผู้ปฏิบัติงานได้ทบทวนความรู้ในการปฏิบัติงานจัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจมากขึ้น
- ผู้ปฏิบัติงานได้รับทราบบทบาท หน้าที่ และกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้อง
